ตำรวจทางหลวงชุมพร โชว์ฟอร์มเจ๋ง!! จับกุมผู้ต้องหาขนยาเสพติดล็อตใหญ่กว่า 2 ล้านเม็ด

เตรียมส่งขายพื้นที่ภาคใต้

🔺ตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง

🔺ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.,พล.ต.ต.ชัช สุกแก้วณรงค์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผบก.ทล., พ.ต.อ.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผกก.2 บก.ทล., พ.ต.ท.วิศิษฎ์ มีเสน รอง ผกก.2 บก.ทล., พ.ต.ท.สมพงษ์ เอกวัฒ รอง ผกก.5 ปฏิบัติราชการ รอง ผกก.2 บก.ทล., พ.ต.ต.พิทยา  ธนาวุฒิ สว.ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล.

🔺ชุดจับกุม นำโดย  ร.ต.ท.ชาตรี บุญอยู่ รอง สว.(ป.) ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล., ด.ต.บุญช่วย โพธิ์แดง  ผบ.หมู่ ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล., ด.ต.พัทธนันท์ แดงกระจ่าง ผบ.หมู่ ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล. ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าชนะ

🔺

ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา

1.นางสาวมุกมณี (สงวนนามสกุล) อายุ 17 ปี

2.นายนริศ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี ชาว อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี

3.นายวิชิตา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี ชาว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ

โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน หรือ ยาบ้า) โดยมีไว้เพื่อจำหน่าย เพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนโดยไม่ได้รับอนุญาต”

🔺

พร้อมของกลาง

1.ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) มีลักษณะเป็นเม็ดกลมประทับอักษร WY บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีดำ จำนวน 2 ถุง รวม 400,000 เม็ด (เม็ดสีส้ม จำนวน 396,000 เม็ด , เม็ดสีเขียว จำนวน     4,000 เม็ด)

2.ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) มีลักษณะเป็นเม็ดกลมประทับอักษร WY บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีดำ จำนวน 8 ถุง รวม 1,600,000 เม็ด (เม็ดสีส้ม จำนวน 1,584,000 เม็ด , เม็ดสีเขียว จำนวน 16,000 เม็ด)

3.รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่น ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ หมายเลขทะเบียน ฆถ 6185 กทม. จำนวน 1 คัน

4.โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง

🔺

พฤติการณ์ในการจับกุม   

วันนี้ เวลาประมาณ 05.00 น. พ.ต.ต.พิทยา ธนาวุฒิ สว.ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล.(ชุมพร) ได้รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีขบวนการลักลอบขนยาเสพติด (ยาบ้า) เพื่อนำไปจำหน่ายในพื้นที่ภาคใต้ โดยใช้รถยนต์ ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีดำ หมายเลขทะเบียน ฆถ 6185 กทม. และรถคันดังกล่าวกำลังขับเข้ามา  ในพื้นที่ จ.ชุมพร จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงชุดจับกุม เฝ้าติดตามจับกุมบริเวรเขตรอยต่อระหว่าง จ.ชุมพร และ จ.สุราษฎร์ธานี กระทั่งเวลาประมาณ 06.10 น. ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ขับรถมาถึงบริเวณ กม.62-63 ขาล่องใต้ ต.วังตะกอ อ.หลังสวน จ.ชุมพร พบรถยนต์ต้องสงสัย ตามที่สายลับได้แจ้งไว้ จึงได้ติดตามและส่งสัญญาณให้รถคันดังกล่าวหยุด แต่รถต้องสงสัยกลับเร่งเครื่องเพื่อหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงไล่ติดตาม จนกระทั่งพ้นเขต จ.ชุมพร เข้าเขต จ.สุราษฎร์ธานี จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง หน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงไชยาและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าชนะ ช่วยกันสกัดจับ

กระทั่ง รถคนร้ายมาถึงบริเวณเลียบทางรถไฟ หมู่ 1 ต.สมอทอง อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ไม่สามารถไปต่อได้จึงได้กลับรถเพื่อหลบหนีต่อ แต่รถยนต์ของ สภ.ท่าชนะ จอดขวางอยู่ คนร้ายจึงขับพุ่งชนรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับความเสียหายและไม่สามารถไปต่อได้ในที่สุด เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าชนะ จึงได้เข้าตรวจค้น จากการตรวจสอบภายในรถ พบ นายนริศ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี ชาว อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เป็นผู้ขับขี่ มี นางสาวมุกมณี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 17 ปี  ชาว อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และนายวิชิตา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี ชาว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ นั่งโดยสารมาด้วย

จากการตรวจสอบภายในรถ พบ ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) มีลักษณะเป็นเม็ดกลม ประทับอักษร WY บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีดำ จำนวน 2 ถุง รวม 400,000 เม็ด (เม็ดสีส้ม จำนวน 396,000 เม็ด , เม็ดสีเขียว จำนวน 4,000 เม็ด) วางอยู่ที่วางเท้าเบาะหลังคนขับ และยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) มีลักษณะเป็นเม็ดกลม ประทับอักษร WY บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีดำ จำนวน 8 ถุง รวม 1,600,000 เม็ด (เม็ดสีส้ม จำนวน 1,584,000 เม็ด , เม็ดสีเขียว 16,000 เม็ด) วางอยู่ด้านท้ายภายในตัวรถ จึงยึดของกลางไว้ทั้งหมด รวมยาบ้าทั้งสิ้น 2,000,000 เม็ด

จากการสอบสวน นางสาวมุกมณีฯ ให้การรับสารภาพว่า ของกลางยาเสพติด (ยาบ้า) เป็นของพวกตนจริง กำลังจะนำไปส่งให้กับลูกค้าที่ อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงแจ้งข้อหา “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยมีไว้เพื่อจำหน่าย เพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนโดยไม่ได้รับอนุญาต” จากนั้น จึงควบคุมตัวผู้ต้องหา  พร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าชนะ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ ตำรวจทางหลวง จะดำเนินการอย่างเข้มงวดเพื่อกวดขันผู้กระทำความผิดบนเส้นทางหลวง อย่างเคร่งครัด หากประชาชนพบเห็นการกระทำความผิด สามารถแจ้งได้ที่ สายด่วน 1193 ตำรวจทางหลวง.