ระยะไกลกันดารแค่ไหนการจับผู้ต้องหาตามหมายจับเป็นหน้าที่ของตำรวจ เช่นเดียวกับ พ.ต.ต.วรบดินทร์ เลิศศุภสินสถิต สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ปปป ปฏิบัติราชการฯ เดินทางติดตามจับ นายขจร อายุ 40 ปี ชาว อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร ตามหมายจับของศาลจังหวัดชลบุรี ที่ จ.382/2564 ลงวันที่ 22 ก.ย.2564 ในข้อกล่าวหา ” ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ” พ.ต.ต. วรบดินทร์ พร้อมด้วย ด.ต.พัสกร ประมวญสิน และ ด.ต.กฤษณะ บุตรสวัสดิ์ ผบ.หมู่ ส.ทล.1 กก.8 บก.ทล. เดินทางไปที่บ้านของนายขจร พบนายขจร นั่งอยู่หน้าบ้านชั้นเดียว ” ผมลงจากรถพร้อมลูกน้อง เห็นนายขจรสีหน้าตกใจ พวกผมยกมือไหว้นายขจร เป็นการให้เกียรติเขาให้เกียรติประชาชนบอกเขาว่าไม่ต้องหนี นั่งคุยกันมองในบ้านมีพ่อและปู่ของนายขจร ซึ่งพ่อและปู่ของนายขจร รับรู้ว่าลูกชายหรือหลานมีปัญหามา ซึ่งนายขจร บอกว่าอยากไปมอบตัวแต่ไม่มีเงินประกันตัว ไม่มีเงินเยียวยาผู้เสียชีวิต ไม่มีเงินจ้างทนายความ วันที่เกิดเหตุเป็นอุบัติเหตุตนเองขับรถแบคโฮ ท้ายรถเหวี่ยงโดนคนงานได้รับบาดเจ็บแล้วเสียชีวิตระหว่างรักษาตัวที่โรงพยาบาล ซึ่งหลังเกิดเรื่องถูกให้ออกจากงานไม่มีใครช่วยเหลือ ” พ.ต.ต.วรบดินทร์ ระบุ ระหว่างที่ตำรวจกำลังควบคุมตัวนายขจร เพื่อนำตัวไปลงบันทึกประจำวันก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน ในบ้านซึ่งปู่ร่างกายแข็งแรง มองและฟังที่ตำรวจพูดคุยกับนายขจร ก่อนที่จะบอกกับตำรวจว่า ” ทำตามหน้าที่ของตำรวจฝากหลานผมด้วยนะ ” คำพูดนี้ทำให้ตำรวจทราบว่าปู่ อายุ 102 ปี ก่อนที่ตำรวจรวบรวมเงินมอบให้ปู่ไว้ใช้จ่าย ” ผมเห็นปู่มองตั้งแต่พวกผมไปถึง พอรู้ว่าปู่ อายุ 102 ปี แล้วปู่ฝากหลานชายไว้ด้วยความเป็นห่วง ผมนึกถึงคุณตาของผมเพิ่งจากไป ผมไปหาคุณตาทุกครั้งผมก็ให้เงินไว้ใช้จ่าย ผมเห็นปู่อายุเยอะผมดีใจที่ได้เห็น เข้าใจและสงสารแต่ด้วยหน้าที่ต้องจับ ก็รวบรวมเงินให้ปู่ไว้ใช้จ่ายแล้วบอกปู่ว่าไม่ต้องเป็นห่วง หากมีอะไรให้ผมช่วยก็ให้พ่อของนายขจรโทรศัพท์หาผมได้ตลอดเวลาตำรวจยินดีรับใช้ ซึ่งปู่ก็อวยพรให้พวกผมก่อนเดินทางกลับเพื่อนำตัวนายขจรไปส่งพนักงานสอบสวน ” พ.ต.ต.วรบดินทร์ ระบุ