ตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง
วันที่ 8 ม.ค.66 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผบก.ทล., พ.ต.อ.วันชนะ ทิพย์อาสน์ ผกก.8 บก.ทล. และ พ.ต.ท.ปรัชญา กัมลาศพิทักษ์ สวญ.ส.ทล.2 กก.8 บก.ทล.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ร.ต.อ.วงประวัตร์ สาธเรศ, ร.ต.อ.ดุลยวัต เกียรติประทุม รอง สว.ส.ทล.2 กก.8 บก.ทล., ด.ต.ศักดิ์ระพี ตุ้ยดา ผบ.หมู่ ส.ทล.2 กก.8 บก.ทล.
ร่วมกันจับกุม น.ส.เนาวรัตน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 52 ปี แจ้งข้อกล่าวหา “ปลอมและใช้เอกสารราชปลอม, หลีกเลี่ยงไม่ชำระค่าธรรมเนียมผ่านทาง, ฝ่าฝืนป้ายจราจร เครื่องหมายจราจร บนทางหลวง, ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่, ไม่ชำระภาษีประจำปีตามที่กฎหมายกำหนด”
สถานที่จับกุม บริเวณ ทล.พ.9 (วงแหวนตะวันออก) มุ่งหน้าบางนา กม.49+500 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร
พฤติการณ์ จากกรณีของนางสิริกร (สงวนนามสกุล) อายุ 62 ปี (ผู้เสียหาย) ซึ่งได้รับหนังสือเรียกให้ชำระค่าธรรมเนียมผ่านทางพร้อมค่าปรับ กรณีใช้รถยนต์วิ่งผ่านช่อง M-Flow โดยไม่ชำระค่าผ่านทาง ซึ่งจากการตรวจสอบรถยนต์ที่กระทำผิดพบว่าเป็นรถยนต์ยี่ห้อ รุ่น และหมายเลขทะเบียนเดียวกันกับรถของผู้เสียหาย แต่มีความต่างกันที่สีของรถ จึงเชื่อว่าถูกสวมทะเบียน ผู้เสียหายจึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามผู้กระทำความผิดตัวจริงมาดำเนินการตามกฎหมาย
โดยทาง บก.ทล. ได้ดำเนินการติดตามหาตัวผู้ประทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย เนื่องจากเป็นกรณีที่ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ทำให้ภาครัฐเสียหาย จึงได้ประสานงานกับกรมทางหลวงตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของรถดังกล่าว ซึ่งพบว่ายังมีการนำรถออกมาวิ่งผ่านช่อง M-Flow อยู่เรื่อยมา และมียอดค้างชำระมากถึง 95 เที่ยว
กระทั่งวันที่ 6 มกราคม 2566 เวลาประมาณ 17.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมสามารถสืบทราบเส้นทางการใช้รถคันดังกล่าวได้ จึงได้เฝ้าติดตาม และพบว่าคนขับมีพฤติการณ์เปลี่ยนป้ายทะเบียนที่บริเวณถนนรังสิต-นครนายก ก่อนขึ้น ทล.พ.9 (ถนนกาญจนาภิเษก) วงแหวนตะวันออก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการติดตาม และเมื่อรถคันดังกล่าววิ่งผ่านช่อง M-Flow บริเวณ ทล.พ.9 (วงแหวนตะวันออก) มุ่งหน้าบางนา กม.49+500 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร จึงได้เข้าสกัดจับ และจับกุมตัว น.ส.เนาวรัตน์ฯ ซึ่งเป็นผู้ขับขี่รถดังกล่าว นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บางชัน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น น.ส.เนาวรัตน์ฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่า ได้ป้ายทะเบียนดังกล่าวมาจากบุคคลอื่น และจะใช้เปลี่ยนก่อนขึ้น ทล.พ.9 เนื่องจากทราบข้อมูลจากคนรู้จักว่า สามารถวิ่งผ่าน M-Flow ได้ฟรี ไม่ต้องเสียค่าผ่านทาง หลังจากกลับบ้านก็จะเปลี่ยนกลับเป็นป้ายทะเบียนเดิม
ในส่วนของนางสิริกรฯ (ผู้เสียหาย) ได้เดินทางมายัง ส.ทล.2 กก.8 บก.ทล. เพื่อให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยระบุว่า ที่ผ่านมาได้รับความเดือดร้อนมาก ทั้งเคยได้รับใบสั่ง หนังสือแจ้งเตือนให้ชำระค่าผ่านทาง จำนวนหลายฉบับ ทั้งที่ตนแทบไม่เคยใช้รถวิ่งออกจากจังหวัดลพบุรี จึงขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ที่สามารถติดตามจับกุมตัวรถคันที่สวมทะเบียนมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้
ทั้งนี้ ระบบการแจ้งเตือนรถสวมทะเบียน หรือรถผิดกฎหมายที่ผ่านช่อง M-Flow อยู่ระหว่างกรมทางหลวงทดสอบและพัฒนาระบบ โดยจะได้มีการประสานข้อมูลกับตำรวจทางหลวงในเรื่องฐานข้อมูลรถผิดกฎหมาย ป้ายทะเบียนเฝ้าระวัง ฯลฯ ซึ่งจะช่วยในการตรวจสอบรถที่ผิดกฎหมายได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต